125 ซีซี. ไหนดี? ทำความรู้จัก "เครื่อง 125" ที่ทุกค่ายมี!

จะเสียเงินหลายหมื่นทั้งที ก็อยากจะแนะนำให้ดีเสียหน่อย เพราะรถ 125 ซีซี. คือสิ่งจำเป็นของทุกค่าย..​ และ(เกือบ)ทุกบ้าน .. แต่สำหรับครั้งนี้ขอเล่าสั้นๆ แนะนำให้รู้จักเพียง "เครื่องยนต์" ของแต่ละค่ายกันก่อนเพื่อไม่ให้เนื้อหาจะยืดยาวเกินไปแล้วกันครับ

"ระบบวาล์ว" และความแตกต่าง

ปีนี้ก็ ค.ศ. 2023 แล้ว.. ประเภทเครื่องยนต์สำหรับรถในคลาสที่เรามักจะเห็นเขาโปรโมตกันโครมๆอยู่ 2 ค่ายใหญ่ในไทยก็คงจะมีคำว่า "125 ซีซี. 4 วาล์ว" บ้าง "ไฮบริด" บ้าง หรือนานๆครั้งที่ยังพอมี "2 วาล์ว " ให้เห็นบ้าง..

เรื่องระบบวาล์ว.. ว่าง่ายๆคือ "วาล์วไอดี-ไอเสีย" ทำหน้าที่ลำเลียงอากาศเข้าห้องจุดระเบิด เพื่อ "ระเบิด" ให้เกิดพลังงาน ที่จะนำไปใช้ในการขับเคลื่อนรถ ก่อนที่จะกลายเป็นไอเสีย และถูกระบายออกไปอีกครั้ง..

Image Source: https://www.gaeglong.com/

"เครื่อง 2 วาล์ว" ที่เราเคยเห็นกันบ่อยๆก็คือ วาล์วไอดี 1, วาล์วไอเสีย 1 "ต่อลูกสูบ" ..แน่นอนว่ารถ 125 ซีซี. นี่ใช้ลูกสูบเดี่ยวกันทั้งตลาด.. มีข้อดีที่จะประหยัดทรัพยากรและต้นทุนในการผลิต รวมถึงยังดูแลง่าย ใช้อะไหล่น้อยกว่าระบบ 4 วาล์ว แต่ก็เสียก็คือประสิทธิภาพในการจุดระเบิดและระบายไอเสียออก จะทำได้ไม่ดีเท่ารถ 4 วาล์ว ต่อลูกสูบเท่าไรนัก

ส่วน "เครื่อง 4 วาล์ว" คือ มีวาล์วไอดีเข้า 2 วาล์ว และไอเสียอีก 2 วาล์ว "ต่อลูกสูบ" ทำให้ความคล่องตัวของอากาศเข้าออกจะดีมากกว่า 100% จุดระเบิดได้ดีกว่า และระบายไอเสียออกได้เร็วกว่า ..เรื่องการส่งพละกำลัง ความต่อเนื่องของเรี่ยวแรงเลยกินเครื่อง 2 วาล์วเต็มๆ .. แต่ก็จะมีข้อเสียตรงที่ใช้ทรัพยากรในการผลิตเยอะกว่า ต้นทุนสูงกว่า และมีขนาดที่ใหญ่กว่า ตามไปด้วย

Image Source: https://www.yamaha-motor.co.th/

เครื่องไฮบริด?

ระบบ "ไฮบริด" ที่อาจจะเคยได้ยินกันมาบ้าง ..ต้องบอกว่ามัน "ไม่เหมือนกับที่เราเห็นๆกันในรถยนต์" เพราะจริงๆแล้วระบบนี้ต้องเป็นระบบที่สลับการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าและน้ำมันได้ตลอดการขับขี่ ..และในตลาด 2 ล้อจริงๆแล้วยังไม่มีใครกล้าลงทุนทำแบบนั้น..

แต่จะว่าไม่ใช่ก็ไม่เชิง เพราะรถไฮบริดในตลาดตอนนี้ก็มีการใช้ระบบไฟฟ้าเข้ามาช่วยเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่เล็กน้อย ให้ใช้งานได้สะดวกขึ้น แต่ "ไม่ใช่ระบบขับเคลื่อน" หลัก โดยเป็นการใช้ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่พร้อม Smart Motor Generator ให้ "สตาร์ทติดง่ายและเงียบขึ้น" พร้อมทำงานร่วมกับระบบ Stop & Start ที่บิดคันเร่งก็ติดเครื่องพร้อมออกตัวได้ทันที .."จึงประหยัดน้ำมันที่ใช้ในการจุดติดเครื่อง และการออกตัวจากหยุดนิ่ง" เท่านั้นเอง

Image Source: https://www.thaihonda.co.th/

เครื่อง eSP+ คืออะไร?

เป็นความชาญฉลาดของวิศวกร ที่คิดค้นหาวิธีทำอย่างไรให้การจุดระเบิดหนึ่งครั้ง ใช้พลังงานได้คุ้มค่าที่สุด? หัวฉีดก็แล้ว ใช้ 4 วาล์วก็แล้ว.. อ๋อ "เพิ่มการหล่อลื่นเข้าไปสิ" ให้ลูกสูบมันหมุนได้ไหลๆ ลดแรงเสียดทานในกระบอกสูบได้ ก็จะทำให้ลูกสูบอยากจะวิ่งรัวๆ โดยที่ไม่ต้องใส่ทรัพยากรณ์อะไรเข้าไปเพิ่มเลย แถมยังช่วยระบายความร้อนในห้องเครื่องได้อีกต่อ!.. ประมาณนี้

ทำให้รถที่มีคำว่า eSP+ นั้น มั่นใจได้เรื่องความแรง ความต่อเนื่องของการส่งกำลังว่ามันจะไหลปรื๊ดๆ ส่วนเรื่องความประหยัดน้ำมันนั้น สำหรับคลาส 125 ซีซี. ก็ทำได้ดีเช่นเดียวกัน เพราะเมื่อเครื่องยนต์มันทำงานได้ลื่นไหลมากๆ ก็ไม่ต้องเปลืองน้ำมันไปกับการจุดระเบิดเพื่อให้ลูกสูบหมุนมากขึ้นด้วย

แล้วฉันจะเลือกแบบไหน?

ถามตัวเองก่อนเลยว่า ..เรานิสัยเป็นไง? ใช้งานแบบไหน?.. สำหรับตลาดใหญ่ของรถ 125 ซีซี. แล้วก็มักจะเป็นการใช้งานที่อยู่ในกรอบ "ขี่ง่าย, ประหยัดน้ำมัน, คล่องตัว" เพราะจมักจะเป็นรถที่เราใช้ในการขับขี่ระยะไม่ไกลมากนัก

ถ้าคุณชอบความแรง พร้อมโมฯต่อให้แรงขึ้นไปอีก.. เครื่อง 4 วาล์ว อาจจะเป็นคำตอบ ด้วยประสิทธิภาพของการจุดระเบิด พร้อม + ขึ้นไปอีกถ้าเพิ่มระบบหล่อลื่นของ eSP+ (เอกสิทธิ์ฮอนด้า) เราจึงไม่แปลกใจที่ฟีลลิ่งความแรงกระแทกคันเร่งสนุก จะมีอยู่ในไลน์อัพค่ายนี้ทั้งสิ้น

ขณะเดียวกัน ค่ายรถที่เป็นเครื่อง 2 วาล์วจึงมักจะชูจุดเด่นเรื่องอื่นขึ้นมาทดแทน ไม่ว่าจะเป็นไฮไลท์ฟีเจอร์ต่างๆ หรือเลือกฉลาดแบบยามาฮ่าที่ "ใช้ Smart Motor Generator" ช่วยออกตัว ช่วยประหยัดน้ำมันตอนออกตัวแทน..

สรุป

ด้วยข้อจำกัดของตัวเลข "125 ซีซี." ทำให้ไม่ว่าคุณจะบิดจนปวดข้อมือเพียงใด มันก็ประหยัดอยู่ดี และค่ายรถที่กล้าชูจุดเด่นของเครื่องยนต์แต่ละรุ่นนั้น อยากให้มั่นใจได้เลยว่าเขามีการพัฒนามาที่ดีจริงๆ อาจจะต่างกันแค่จุดเล็กๆ ของการทำงานภายในระบบส่งกำลังเท่านั้น ซึ่งถามว่าใช้งานจริงก็ไม่ต่างกันเท่าใดนัก ..ส่วนเรื่องของการตกแต่งหลังจากนั้น.. เครื่องยนต์ที่มีระบบส่งกำลังแบบไม่ใช้ชิ้นส่วนเยอะก็จะทำได้ง่ายกว่า ตามที่เรามักจะเห็นว่าวัยรุ่นเขาชอบเอารถคันไหนมาแต่งซิ่งกันนั่นเอง